ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia mangostana L.
ชื่อวงศ์ : Guttiferae
ส่วนที่ใช้เป็นยา : เปลือกผลแห้ง
ลักษณะภายนอก :
ผลกลมแป้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 นิ้ว พื้นผิวเปลือกเรียบเกลี้ยง เปลือกหนาแข็ง เมื่อแก่มีสีม่วงอมน้ำตาล ที่ปลายผลมียอดเกสรเพศเมียติดอยู่ แยกเป็น 4-7 แฉก ที่ขั้วผลมีกลีบเลี้ยง 4 กลีบติดอยู่ บริเวณใต้ผิวผลมีต่อมของน้ำยางอยู่มาก เปลือกผล มีรสฝาด ยางจากผลมีสีเหลือง มีรสฝาด
รสยาและสรรพคุณยาไทย :
รสฝาด แก้ท้องเสีย บิด มูกเลือด ในชนบทมักใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดล้างแผล ช่วยให้แผลหายเร็ว
รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา :
- รักษาอาการท้องเสีย
ใช้เปลือกผลแห้งครึ่งผล (4 กรัม) ต้มกับน้ำ ดื่มแต่น้ำ หรือใช้เปลือกผลแห้งย่างไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใส 1/2 แก้ว รับประทานทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือบดเป็นผงละลายน้ำข้าว (น้ำข้าวเช็ด) หรือน้ำสุก รับประทานทุก 2 ชั่วโมง
- ชะล้างบาดแผล
ใช้เปลือกผลสดหรือแห้ง 1-2 ผล สับเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ให้เดือด ประมาณ 15 นาที เติมเกลือประมาณ 1 ช้อนชา ใช้ชะล้างบาดแผลเรื้อรัง แผลมีหนอง หรือใช้เปลือกผลฝนแต้มทารักษาแผล
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ :
เปลือกผลมีสารแทนนิน (tannin) 8.75-10.5% มีฤทธิ์แก้อาการ ท้องเดิน นอกจากนี้ในเปลือกผลยังมีสารเคมีอีกหลายชนิด จากการทดลอง พบว่ามีสารในเปลือกมังคุด มีฤทธิ์สมานแผล และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของหนองด้วย และยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบ
ที่มา :
ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชเวชกรรม โดย กองการประกอบโรคศิลปะสำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข