ชื่อวิทยาศาสตร์ : Boesenbergia pandurata (Roxb.) Schltr.
ชื่อวงศ์ : Zingiberaceae
ส่วนที่ใช้เป็นยา : เหง้าใต้ดินและราก
ลักษณะภายนอก :
เหง้าสั้น (เรียก “กระโปกกระชาย”) มีรากสด แตกออกจากเหง้าเป็นกระจุกจำนวนมาก อวบน้ำ ตรงกลางพองกว่าส่วนหัวและท้าย รูปทรงกระบอก ปลายเรียวแหลม (เรียก “นมกระชาย”) กว้าง 1-2 ซม. ยาว 4-10 ซม. ผิวสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในสีเหลือง มีรสเผ็ดร้อน ขม กลิ่นหอมฉุน
รสยาและสรรพคุณยาไทย :
รสเผ็ดร้อนขม แก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อและบำรุงกำลัง
รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา :
- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด และปวดท้อง
ใช้เหง้า หรือรากประมาณครึ่งกำมือ(น้ำหนักสด 5-10 กรัม แห้ง 3-5 กรัม) ทุบพอแตกต้มกับน้ำพอเดือด ดื่มแต่น้ำ หรือปรุงอาหารรับประทาน
- แก้บิด (ปวดเบ่งและมีมูกหรืออาจมีเลือดด้วย)
ใช้เหง้าหรือหัวสดครั้งละ 2 หัว (ประมาณ 15 กรัม) ย่างไฟพอสุก ตำกับน้ำปูนใส คั้นเอาน้ำดื่ม
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ :
เหง้ากระชายมีน้ำมันหอมระเหยประมาณ 0.08% ในน้ำมันหอมระเหยมีสารหลายชนิด เช่น 1,5-Cineol, Boesenbergin A, dl-Pinostrobin Corphor เป็นต้น และยังมีสาร Flavonoid และ Chromene ด้วย
ที่มา :
ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชเวชกรรม โดย กองการประกอบโรคศิลปะสำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข